26.2 C
Bangkok
Monday, December 8, 2025

LINE MAN Wongnai ร่วม WeWork ชูกลยุทธ์พื้นที่ทำงานยืดหยุ่น ติดปีกธุรกิจเติบโตไร้ขีดจำกัด

LINE MAN Wongnai แพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ชชั้นนำของไทย ขยายความร่วมมือกับ WeWork หนึ่งใน
ผู้ให้บริการพื้นที่ทำงานชั้นนำระดับโลก สร้างโมเดิร์นเวิร์กสเปซเพื่อส่งเสริมการทำงานร่วมกัน พร้อมต่อยอดความคิดสร้างสรรค์ของพนักงานมากกว่าหนึ่งพันคนที่ประจำอยู่ใน WeWork อาคาร T-One และ Spring Tower 

            นายอานนทวงศ์ มฤคพิทักษ์ รองประธานฝ่ายทรัพยากรบุคคลและวัฒนธรรมองค์กร LINE MAN Wongnai เปิดเผยว่า “ในฐานะบริษัทที่เติบโตอย่างรวดเร็ว เราต้องการโซลูชันพื้นที่สำนักงานที่สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงในด้านของขนาดพื้นที่ทำงานและสนับสนุนทีมงานอย่างคุ้มค่าและมีความยืดหยุ่น รวมถึงสภาพแวดล้อมการทำงานรองรับความต้องการที่มีการปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลาเป็นสิ่งที่สำคัญ ซึ่งโซลูชันพื้นที่สำนักงานที่ยืดหยุ่นของ WeWork ทำให้บริษัทฯ สามารถจัดการกับสิ่งเหล่านี้ได้ตามความต้องการ ทั้งนี้ LINE MAN Wongnai อยู่บนเส้นทางสู่การเป็นแชมป์ของประเทศ และเป้าหมายสำคัญต่อไปก็คือการเปิดเสนอขายหุ้นระดมทุน IPO ในประเทศไทย เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับสตาร์ทอัพไทยรุ่นใหม่ๆ ต่อไป”

ก่อนหน้า LINE MAN Wongnai มีการใช้พื้นที่ทำงานแบบดั้งเดิมโดยจัดสรรพนักงานตามชั้นต่างๆ ของอาคารสำนักงาน ซึ่งพบว่าเป็นการจำกัดโอกาสในการโต้ตอบและทำงานร่วมกัน และเมื่อบริษัทฯ ได้เลือกใช้พื้นที่ทำงานที่ WeWork ในปี 2562 ทำให้บริษัทฯ มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด สร้างวัฒนธรรมการทำงานร่วมกัน สามารถรวมบริษัทและวัฒนธรรมของทั้งสององค์กรเข้าด้วยกันอย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจุบันกำลังเตรียมการเสนอขายหุ้น IPO ในประเทศไทยอีกด้วย

โดยในปี 2562 แพลตฟอร์มสำหรับซูเปอร์ไลฟ์สไตล์ (เดิมคือ Wongnai) ได้ใช้พื้นที่ทำงานเกือบ 1 ชั้นครึ่งของ WeWork อาคาร T-One ซึ่งหลังจากการควบรวมกิจการกับแอปพลิเคชั่น LINE MAN และแพลตฟอร์มรีวิวร้านอาหารของ Wongnai ในปี 2563 แล้ว ทำให้เห็นถึงความต้องการในการขยายจำนวนพนักงานเพื่อให้สอดคล้องกับการเติบโตของธุรกิจมากขึ้น

“พื้นที่ทำงานของ WeWork มีความเหมาะสมอย่างยิ่งในการส่งเสริมการเติบโตอย่างต่อเนื่องของธุรกิจที่มีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ ธุรกิจจัดส่งอาหารมีการเติบโตขึ้นเป็นอย่างมากในช่วงสถานการณ์โควิด-19 แม้ว่าพนักงานจะทำงานจากที่บ้านก็ตาม ในปัจจุบันรูปแบบพื้นที่ทำงานที่ยืดหยุ่นของ WeWork ยังคงเป็นส่วนสำคัญของกลยุทธ์การทำงานแบบไฮบริดของบริษัทฯ ทำให้เกิดความสะดวกในการสื่อสารไม่ว่าจะแบบตัวต่อตัว สร้างความแข็งแกร่งทางวัฒนธรรมองค์กร ขับเคลื่อนนวัตกรรมและการเติบโตไปพร้อมกัน” นายอานนทวงศ์ กล่าวเสริม

            ตลาดแอปฯ เดลิเวอรี่ที่มีการแข่งขันสูงขึ้นเรื่อยๆ การทำงานเป็นทีมและการพัฒนานวัตกรรมตามการเปลี่ยนแปลงจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะไม่เพียงแต่ต้องตามการเติบโตในการแข่งขันให้ทัน แต่ยังต้องนำหน้าอุตสาหกรรมที่มีการเปลี่ยนแปลงและความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วอีกด้วย

ด้วยความร่วมมือนี้ LINE MAN Wongnai ได้นำความสัมพันธ์และการทำงานร่วมกันของพนักงานมาเป็นหัวใจของการสร้างกลยุทธ์พื้นที่ทำงานเพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรม บริษัทฯ ได้เปลี่ยนจากการใช้พื้นที่โต๊ะทำงานส่วนตัวมาเป็นโต๊ะทำงานส่วนกลางเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายการทำงานได้จากทุกที่ ซึ่งช่วยให้พนักงานมีความยืดหยุ่นในการทำงานจากที่บ้านหรือสถานที่อื่นๆ ในขณะที่ยังคงมีพื้นที่สำหรับการประชุม จัดอีเว้นต์ต่างๆ และการพบปะสังสรรค์ของทีมงาน เพื่อช่วยส่งเสริมวัฒนธรรมการทำงานร่วมกัน กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์และสานสัมพันธ์ที่ดีระหว่างทีม

พื้นที่ของ WeWork ได้รับการออกแบบอย่างทันสมัย เพื่อปรับปรุงทั้งการทำงานเป็นทีมและความเป็นส่วนตัวรวมถึงส่งเสริมการระดมพลังสมองและการคิดเชิงออกแบบ (design thinking) พร้อมรองรับสภาพแวดล้อมการทำงานที่หลากหลายด้วยพื้นที่ในการพบปะสังสรรค์และเพื่อการประชุม

WeWork เป็นศูนย์กลางของการให้บริการพื้นที่ทำงานให้กับบริษัทระดับโลกและระดับประเทศ และยังดึงดูด
ผู้มากความสามารถและสร้างสรรค์จากหลากหลายอุตสาหกรรมในกรุงเทพฯ อีกด้วย สภาพแวดล้อมการทำงานที่เน้นทีมเป็นศูนย์กลางไม่เพียงแต่จะช่วยให้ LINE MAN Wongnai สามารถรักษาคนเก่งไว้กับองค์กรได้ แต่ยังช่วยให้สามารถสรรหาสมาชิกใหม่ๆ เข้าร่วมทีมได้อีกด้วย 

นายบัลเดอร์ ทอล ผู้จัดการทั่วไปประจำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และออสเตรเลีย WeWork กล่าวเพิ่มเติมว่า “LINE MAN Wongnai นับเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่น่าตื่นเต้นที่สุดของไทยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เรารู้สึกยินดีที่ได้สนับสนุนและเติบโตไปพร้อมกันในขณะที่ “LINE MAN Wongnai กำลังก้าวหน้าในเส้นทางการเติบโตทั้งในประเทศและทั่วทั้งภูมิภาค การมีเป้าหมายและความมุ่งมั่นในการมีส่วนร่วมของพนักงานทำให้ความร่วมมือครั้งนี้มีความหมายมากยิ่งขึ้น เรามองเห็นการเปลี่ยนแปลงของการทำงานในปัจจุบันและนี่ถือเป็นตัวอย่างที่ดีของธุรกิจที่รับรู้ถึงความจำเป็นในการทำงานร่วมกัน ความยืดหยุ่น และความสามารถในการปรับเปลี่ยนขยายเพื่อการเติบโตยิ่งขึ้น”

Recent Articles

TCMA นำทัพผู้นำอาเซียนซีเมนต์

สมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย (TCMA) ตอกย้ำบทบาทผู้นำระดับภูมิภาค นำสภาผู้ผลิตปูนซีเมนต์แห่งอาเซียน (ASEAN Federation of Cement Manufacturers: AFCM) เดินหน้าประกาศโรดแมปลดคาร์บอน “2035 AFCM Decarbonization Roadmap” ความร่วมมือที่ริเริ่มโดยอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ในระดับภูมิภาคแห่งแรกของโลก สะท้อนพลังความร่วมมือขับเคลื่อนลดคาร์บอนอย่างเป็นรูปธรรม

เปิดพอร์ต “เซ็นทรัลพัฒนา เรซซิเด้นซ์” 11 ปี 51 โครงการ 6.57 หมื่นล้าน

บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา เรซซิเด้นซ์ จำกัด ตอกย้ำความสำเร็จด้านผู้นำการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อย่างยั่งยืน ดันพอร์ตโครงการแนวราบและแนวสูงตามหัวเมืองเศรษฐกิจทั่วทุกภูมิภาคกว่า 51 โครงการ 16,000 ยูนิต มูลค่ารวม 65,700 ล้านบาท สู่การขยายพอร์ตรุกตลาดบ้านเดี่ยวในกรุงเทพฯ อย่างเต็มรูปแบบ พร้อมเดินหน้าสร้างภาพจำ “บ้านเซ็นทรัล” ผ่าน 4 คาแรคเตอร์แบรนด์บ้านเดี่ยว ‘นิยาม-นิรดา-นินญา-นิรติ’ ครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์ทั้งกรุงเทพฯ...

สมิติเวช-แสนสิริ ผนึกกำลัง สู่มิติใหม่ของการอยู่อาศัยคุณภาพ

การผนึกกำลังครั้งสำคัญ โรงพยาบาลสมิติเวช โรงพยาบาลเอกชนชั้นนำด้านสุขภาพและการแพทย์ ผนวกวิสัยทัศน์ร่วมกับ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยคุณภาพ ประกาศเปิดตัวแคมเปญ "Wellness at Home" อย่างเป็นทางการ เพื่อสร้างมิติใหม่ของการใช้ชีวิตที่ผสานแนวคิดการดูแลลูกบ้านในทุกมิติอยู่อาศัย เข้ากับการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองที่ใส่ใจสุขภาพและต้องการบริการคุณภาพที่มาพร้อมความสะดวกสบายระดับพรีเมียม พญ. ธิดากานต์...

เอพี ไทยแลนด์ ย้ำบริษัทอสังหาอันดับ 1

เอพี ไทยแลนด์ ภายใต้คำมั่นสัญญา ชีวิตดีๆ ที่เลือกเองได้ เผยผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรก เติบโตยืนหนึ่งในอุตสาหกรรมอสังหาฯ เพื่อการอยู่อาศัยที่มุ่งส่งมอบที่สุดของ Living Quality ในแบบคุณ #APThaiบริษัทอสังหาอันดับ1 ผลประกอบการ 9 เดือนปี...

ดับบลิว เฮ้าส์ เดินเกมผู้นำรับสร้างบ้านหรู ทำเลเขาใหญ่

ดับบลิว เฮ้าส์ เดินหน้าบุกรับสร้างหรูทำเลเขาใหญ่ ทำเลยอดฮิตแหล่งโอโซนระดับโลกใกล้เมือง ตั้งเป้าเจาะตลาดบ้านหรูหลังที่สอง ‘เศรษฐีไทย’ สิ้นปี 2568 ยอดสร้างบ้านหรูโตก้าวกระโดด ครองสัดส่วน 30–40% พอร์ตรวมบริษัท เฉลี่ยทำผลงานส่งมอบงานลูกค้ากว่า 10 หลังต่อปี มูลค่าต่อหลังประมาณ 30-70 ล้านบาท