จำนวนชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทย 2563 – 2564 ลดลงกว่า 96%

โรงแรมต่างๆ ได้รับผลกระทบแบบเต็มๆ

4

จำนวนชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทย 2563 – 2564 ลดลงกว่า 96% เมื่อเทียบกับปีพ.ศ.2562 เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อมีชาวต่างชาติเข้าประเทศไทยลดลง

ประกอบกับคนไทยเองก็เดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศลดลงเช่นกัน ธุรกิจโรงแรมที่พักต่างๆ ทั่วประเทศไทยก็ได้รับผลกระทบกันมายาวนาน 2 ปีกว่าๆ แล้ว

ซึ่งสามารถพิจารณาได้จากอัตราการเข้าพักที่ต่ำกว่า 20% ในหลายเดือนของช่วง 2 ปีกว่าที่ผ่านมา

โรงแรมในหลายจังหวัดยังมีอัตราการเข้าพักที่ต่ำมาก โดยเฉพาะในจังหวัดท่องเที่ยวชายทะเลที่ก่อนหน้านี้อาศัยนักท่องเที่ยวต่างชาติ เช่น ภูเก็ต

ในขณะที่จังหวัดซึ่งมีนักท่องเที่ยวชาวไทยเป็นส่วนหนึ่งของกำลังซื้อหรือนักท่องเที่ยวที่เข้าพักในโรงแรมยังมีอัตราการเข้าพักที่สูงกว่าจังหวัดชายทะเลต่างๆ เช่น เชียงใหม่

ตราการเข้าพักเฉลี่ยของโรงแรมในเชียงใหม่สูงกว่าจังหวัดอื่นๆ แม้แต่กรุงเทพมหานคร โดยอาจจะมีการปรับขึ้นลงตามช่วงสถานการณ์การท่องเที่ยวภายในประเทศ

แต่ส่วนใหญ่แล้วอัตราการเข้าพักของโรงแรมในประเทศไทยในช่วงปีพ.ศ.2563 – เดือนกุมภาพันธ์ 2565 ต่ำกว่า 20 – 30%

มีเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้นที่มีอัตราการเข้าพักสูงกว่า 40% ซึ่งเมื่อเฉลี่ยทั้งปีแล้วอัตราการเข้าพักยังคงต่ำกว่า 30% ซึ่งไม่สามารถสร้างรายได้เพื่อดำเนินธุรกิจต่อเนื่องไปได้

โรงแรมจำนวนมากเลือกที่จะปิดกิจการชั่วคราวไปก่อน หรือหลายรายเลือกที่จะขายต่อกิจการให้กับนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติ

เนื่องจากปัญหาภาระหนี้สินจากการขอสินเชื่อธนาคารซึ่งผูกพันต่อเนื่องมาถึงช่วงเวลาที่รายได้ลดลงมหาศาลแบบทันทีทันใดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา

โรงแรมทั้งหมดแบกรับภาระค่าใช้จ่ายรวมไปถึงปัญหาหนี้สินมาต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีการเจรจากับธนาคารหรือสถาบันการเงินมาแล้วก็ตาม แต่ส่วนใหญ่ไม่สามารถผ่อนผันได้ยาวนานเกินกว่า 1 ปี

อาจต้องมีการเจรจากันต่อเนื่องกับเจ้าหนี้ ซึ่งคาดว่าเจ้าของกิจการโรงแรมยังคงต้องแบกภาระต่อเนื่องต่อไปอีก 2 – 3 ปี

เพราะจากการคาดการณ์ของผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจการท่องเที่ยวและโรงแรมล้วนมีความเห็นตรงกันว่าปีพ.ศ.2567 – 2568 การท่องเที่ยวของทั้งโลกจึงจะกลับมาอยู่ในภาวะใกล้เคียงก่อนสถานการณ์โควิด-19

ซึ่งเจ้าของกิจการโรงแรมขนาดกลาง ขนาดเล็ก และรายใหม่ทั้งหลายคงไม่สามารถอยู่รอดต่อไปได้

อาจจะพอมีรายได้เข้ามาเพื่อหมุนเวียนในกิจการเท่านั้น เรื่องของภาระหนี้สินอาจต้องมีการเจรจากันใหม่กับสถาบันการเงิน