ธปท. ผ่อนเกณฑ์ LTV ถึงสิ้นปี 2565

คนคุมเกมส์นี้ก็ยังคงเป็นธนาคารต่างๆ อยู่ดี

13

เกณฑ์ LTV ก่อนหน้านี้มีผลกระทบโดยตรงต่อผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยหลังที่ 2 และต้องการขอสินเชื่อธนาคารพอสมควร เนื่องจากผู้ซื้อกลุ่มนี้มีความพร้อมในการขอสินเชื่อธนาคาร และต้องการซื้อที่อยู่อาศัยหลังที่ 2 เพียงแต่ไม่มีเงินก้อนมาวางดาวน์ตามเกณฑ์ LTV สำหรับสัญญาที่ 2 หรือต้องการที่จะขอสินเชื่อธนาคารแบบเต็มวงเงินมากกว่าได้แค่ 80 – 90% ตามเกณฑ์ LTV เกณฑ์ LTV มีผลให้การตัดสินใจซื้อของผู้ซื้อกลุ่มนี้ล่าช้าหรือชะงักไป เพราะต้องพิจารณาเรื่องของเงินดาวน์ และเงินที่จะเอามาตกแต่งหรือซื้อของเข้าที่อยู่อาศัยหลังที่ 2 จนผู้ประกอบการต้องออกมาเรียกร้องให้ผ่อนปรนเกณฑ์ LTV ลง

ธนาคารแห่งประเทศไทยผ่อนปรนเกณฑ์ LTV ลงสำหรับสัญญาที่ 2 โดยการผ่อนปรนนี้ ผู้ที่ขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับสัญญาที่ 2 สามารถได้วงเงินสินเชื่อ 100% ของมูลค่าที่อยู่อาศัยที่ไม่เกิน 10 ล้านบาท และได้วงเงิน 100% ของที่อยู่อาศัยที่มีวงเงินมากกว่า 10 ล้านบาทตั้งแต่สัญญาสินเชื่อที่ 1 นอกจากนี้ยังครอบคลุมถึงสินเชื่อเกี่ยวเนื่องอื่นๆ จากการซื้อที่อยู่อาศัยที่สามารถได้เพิ่มอีก 10% จากมูลค่าที่อยู่อาศัย ซึ่งการปรับเกณฑ์ครั้งนี้จะทำให้การปล่อยสินเชื่อมีบรรยากาศที่ผ่อนคลายมากขึ้น เพียงแต่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดกรอบเวลาการผ่อนคลายนี้ถึงสิ้นปีพ.ศ.2565

การผ่อนเกณฑ์นี้อาจจะไม่ได้กระตุ้นกำลังซื้อในตลาดที่อยู่อาศัยมากมายในทันที แต่มีผลต่อบรรยากาศหรือว่าภาพรวมแน่นอน อาจจะมีกลุ่มผู้ซื้อที่เริ่มขยับตัวมากขึ้นหลังจากการผ่อนเกณฑ์ แม้ว่าสุดท้ายแล้วก็ต้องอยู่ที่การพิจารณาการขอสินเชื่อของธนาคารต่างๆ ที่จะเป็นผู้กำหนดวงเงินสินเชื่อ นอกจากนี้ กลุ่มของผู้ประกอบการคงมีการขยับเข้ามาทำกิจกรรมทางการตลาดหรือว่าประชาสัมพันธ์ไปยังกลุ่มลูกค้าที่เคยติดต่อไว้แล้วติดปัญหาเรื่องนี้มากขึ้น เพราะเป็นกลุ่มลูกค้าที่ผู้ประกอบการมีอยู่ในมือ และเข้าถึงได้เร็วที่สุด แม้ว่ามาตรการจะมีกำหนดถึงสิ้นปีพ.ศ.2565 ก็ตาม ซึ่งช่วงเดือนพฤศจิกายนหรือธันวาคมอาจจะไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงในตลาดแบบทันทีทันใด อาจจะต้องรอดูปีพ.ศ.2565 ซึ่งบรรยากาศโดยรวมของประเทศ และภาวะเศรษฐกิจต่างๆ จะเอื้อต่อการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยโดยเฉพาะหลังที่ 2 มากขึ้น รวมไปถึงการทำกิจกรรมทางการตลาดของผู้ประกอบการต่างๆ ที่อาจจะเริ่มตั้งแต่ปลายปีนี้ต่อเนื่องยาวไปถึงปีหน้า โดยเฉพาะกลุ่มของผู้ประกอบการที่มีโครงการสร้างเสร็จแล้วหรือมีกำหนดสร้างเสร็จภายในปีพ.ศ.2565