31.7 C
Bangkok
Sunday, December 7, 2025

ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์กับธุรกิจโรงแรม

ผู้ประกอบการในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในกลุ่มการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อขาย

มีการขยายขอบเขตการทำธุรกิจของตนเองออกไปยังธุรกิจอื่นๆ ต่อเนื่อง

และจริงๆ แล้วมีมานานหลายปีแล้ว  เพียงแต่เห็นได้ชัดเจนช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมา

ก่อนหน้านี้อาจจะเห็นพวกเขาขยายธุรกิจไปยังธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์

เพียงแต่ไม่ได้เป็นการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยขาย เช่น โรงแรม เซอร์วิสอพาร์ตเม้นต์ ค้าปลีก โกดังสินค้า อาคารสำนักงาน เป็นต้น

แต่ปัจจุบันนี้เห็นได้ชัดเจนเลยว่ามีมากกว่าที่กล่าวไปแล้ว

ทั้งการขยายธุรกิจไปยังธุรกิจอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์เลย

เช่น โรงพยาบาล พลังงานทดแทน โลจิสติกส์ สุขภาพ เป็นต้น

แต่ผู้ประกอบการบางรายก็ยังคงขยายธุรกิจไปในทิศทางที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์

โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจการท่องเที่ยว เช่น โรงแรม

ซึ่ง 2 รายที่เห็นได้ชัดเจนว่ามาทางนี้ คือ แสนสิริ และออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ที่มีแนวทางการขยายไปยังธุรกิจโรงแรมชัดเจน

เพียงแต่มีรูปแบบแตกต่างกันเท่านั้น

รูปแบบการขยายไปยังธุรกิจโรงแรมหรือธุรกิจอื่นๆ ของผู้ประกอบการในธุรรกิจอสังหาริมทรัพย์

มีความแตกต่างกันไปตามรูปแบบการลงทุนหรือความต้องการรวมไปถึงข้อตกลงของแต่ละผู้ประกอบการ

ผู้ประกอบการบางรายต้องการเพิ่มรายได้ผ่านการลงในรูปแบบการร่วมทุนเลย

เช่น แสนสิริที่ลงทุน 62% ใน Standard International เพื่อขยายการลงทุนโรงแรมแบรนด์ The Standard และ The Peri ไปทั่วโลก

ตอนนี้มีแล้ว 11 แห่งในประเทศไทยทั้งโรงแรมของตนเอง และรับบริหาร

โดยตั้งเป้าว่าจะมีมากถึง 38 แห่งทั่วโลกภายในปีพ.ศ.2568

แต่ผู้ประกอบการบางรายอย่างออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ทำอีกรูปแบบหนึ่ง

ลงทุนพัฒนาโรงแรมขึ้นมา แล้วให้ IHG เข้ามาบริหารโรงแรมของตนเอง

ซึ่งรูปแบบนี้ ออริจิ้นยังเป็นเจ้าของโรงแรมแบบ 100%

และเปิดโรงแรมโดยใช้แบรนด์ต่างๆ ของ IHG ซึ่งมีอยู่มากมายหลายแบรนด์

และหลายระดับมาก โดยโรงแรมในเครือของออริจิ้นที่เปิดบริการแล้ว และที่กำลังจะเปิดให้บริการมีทั้ง Intercontinental, Holiday Inn และ Staybridge

ในอนาคตอาจจะมีแบรนด์อื่นๆ ในเครือ IHG มากขึ้นก็เป็นไปได้ และออริจิ้นก็ชัดเจนว่าจะมีโรงแรมของตนเองให้มากกกว่าปัจจุบันที่มีแล้วเกือบ 2,000 ห้อง

นอกจากนี้ออริจิ้นยังสามารถทำอะไรกับโรงแรมเหล่านี้ก็ได้ในอนาคตทั้งการรวมเป็นพอร์ตเพื่อเข้าตลาดหลักทรัพย์ และขายเข้ากองรีท

ต้องติดตามดูต่อไปในอนาคต

Recent Articles

TCMA นำทัพผู้นำอาเซียนซีเมนต์

สมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย (TCMA) ตอกย้ำบทบาทผู้นำระดับภูมิภาค นำสภาผู้ผลิตปูนซีเมนต์แห่งอาเซียน (ASEAN Federation of Cement Manufacturers: AFCM) เดินหน้าประกาศโรดแมปลดคาร์บอน “2035 AFCM Decarbonization Roadmap” ความร่วมมือที่ริเริ่มโดยอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ในระดับภูมิภาคแห่งแรกของโลก สะท้อนพลังความร่วมมือขับเคลื่อนลดคาร์บอนอย่างเป็นรูปธรรม

เปิดพอร์ต “เซ็นทรัลพัฒนา เรซซิเด้นซ์” 11 ปี 51 โครงการ 6.57 หมื่นล้าน

บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา เรซซิเด้นซ์ จำกัด ตอกย้ำความสำเร็จด้านผู้นำการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อย่างยั่งยืน ดันพอร์ตโครงการแนวราบและแนวสูงตามหัวเมืองเศรษฐกิจทั่วทุกภูมิภาคกว่า 51 โครงการ 16,000 ยูนิต มูลค่ารวม 65,700 ล้านบาท สู่การขยายพอร์ตรุกตลาดบ้านเดี่ยวในกรุงเทพฯ อย่างเต็มรูปแบบ พร้อมเดินหน้าสร้างภาพจำ “บ้านเซ็นทรัล” ผ่าน 4 คาแรคเตอร์แบรนด์บ้านเดี่ยว ‘นิยาม-นิรดา-นินญา-นิรติ’ ครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์ทั้งกรุงเทพฯ...

สมิติเวช-แสนสิริ ผนึกกำลัง สู่มิติใหม่ของการอยู่อาศัยคุณภาพ

การผนึกกำลังครั้งสำคัญ โรงพยาบาลสมิติเวช โรงพยาบาลเอกชนชั้นนำด้านสุขภาพและการแพทย์ ผนวกวิสัยทัศน์ร่วมกับ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยคุณภาพ ประกาศเปิดตัวแคมเปญ "Wellness at Home" อย่างเป็นทางการ เพื่อสร้างมิติใหม่ของการใช้ชีวิตที่ผสานแนวคิดการดูแลลูกบ้านในทุกมิติอยู่อาศัย เข้ากับการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองที่ใส่ใจสุขภาพและต้องการบริการคุณภาพที่มาพร้อมความสะดวกสบายระดับพรีเมียม พญ. ธิดากานต์...

เอพี ไทยแลนด์ ย้ำบริษัทอสังหาอันดับ 1

เอพี ไทยแลนด์ ภายใต้คำมั่นสัญญา ชีวิตดีๆ ที่เลือกเองได้ เผยผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรก เติบโตยืนหนึ่งในอุตสาหกรรมอสังหาฯ เพื่อการอยู่อาศัยที่มุ่งส่งมอบที่สุดของ Living Quality ในแบบคุณ #APThaiบริษัทอสังหาอันดับ1 ผลประกอบการ 9 เดือนปี...

ดับบลิว เฮ้าส์ เดินเกมผู้นำรับสร้างบ้านหรู ทำเลเขาใหญ่

ดับบลิว เฮ้าส์ เดินหน้าบุกรับสร้างหรูทำเลเขาใหญ่ ทำเลยอดฮิตแหล่งโอโซนระดับโลกใกล้เมือง ตั้งเป้าเจาะตลาดบ้านหรูหลังที่สอง ‘เศรษฐีไทย’ สิ้นปี 2568 ยอดสร้างบ้านหรูโตก้าวกระโดด ครองสัดส่วน 30–40% พอร์ตรวมบริษัท เฉลี่ยทำผลงานส่งมอบงานลูกค้ากว่า 10 หลังต่อปี มูลค่าต่อหลังประมาณ 30-70 ล้านบาท