บทความ

การร่วมทุนของผู้ประกอบการไทยและญี่ปุ่นจะเห็นได้จากการร่วมทุนของผู้ประกอบการหลายรายมีการร่วมทุนกันในระยะยาว การร่วมทุนแรกๆ ของผู้ประกอบการไทยและญี่ปุ่นที่เห็นเป็นรูปธรรมเกิดขึ้นตั้งแต่ปีพ.ศ.2556 โดยบางการร่วมทุนมีโครงการที่ร่วมทุนกันมากกว่า 30 – 40 โครงการมูลค่าการลงทุนร่วมกันกว่า 150,000 ล้านบาท ผู้ประกอบการไทยที่มีการร่วมทุนกับทางญี่ปุ่นจะมองที่การร่วมทุนกันในระยะยาวมากกว่าการร่วมทุนเป็นรายโครงการ

การร่วมทุนระหว่างผู้ประกอบการไทย และต่างชาติในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยร่วมกันส่วนใหญ่จะเป็นโครงการคอนโดมิเนียม ก่อนหน้านี้ผู้ประกอบการต่างชาติเมื่อสนใจที่จะร่วมทุนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยร่วมกับผู้ประกอบการไทยจะมองที่โครงการคอนโดมิเนียมก่อนเป็นลำดับแรก เพราะรูปแบบการพัฒนาที่ใช้เวลาไม่นานอาจจะนานแค่ 3 ปีก็สามารถรับรู้ผลตอบแทนและเงินคืนทุนแล้ว อีกทั้งยังสามารถขายให้กับชาวต่างชาติได้ด้วยตามกฎหมายประเทศไทย ซึ่งผู้ประกอบการไทยเองก็คาดหวังเรื่องของกำลังซื้อต่างชาติจากการร่วมทุนกับผู้ประกอบการต่างชาติ

เรื่องของ NPLs หรือหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ในภาคของที่อยู่อาศัย ที่มีความความเป็นไปได้ว่าจะเพิ่มขึ้นในช่วงหลังจากนี้นั้น เริ่มเห็นความชัดเจนมากขึ้นจากบทสัมภาษณ์ของนายบัณฑิต อนันตมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM นายบัณฑิตกล่าวว่าช่วง...

ช่วงตั้งแต่ปีพ.ศ.2563 – 2564 ทุกคนคงรับรู้ได้อยู่แล้วว่าเศรษฐกิจย่ำแย่ คนว่างงานหรือรายได้ลดลงรวมไปถึงขาดรายได้ไปเลยเยอะมากๆ แล้วผลกระทบที่เกิดจากการที่คนขาดรายได้นั้นก็มีไม่น้อย เรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นแน่นอนเลยคือ การขาดส่งภาระหนี้สินต่างๆ ซึ่งหนี้สินนอื่นๆ ที่ไม่ใช่ที่อยู่อาศัยอาจะเห็นได้ชัดเจนกว่าว่าเพิ่มขึ้นค่อนข้างเยอะ...

เป็นเรื่องฮือฮามาหลายวันแล้วสำหรับเรื่องที่มีข่าวออกมากว่า รัฐบาลจะยึดคืนที่ดินที่ไม่ทำประโยชน์นานเกิน 10 ปี เรื่องนี้ กรมที่ดินชี้แจงว่ามีบัญญัติในกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 มาตรา 6 โดยในกฎหมายบัญญัติว่า "นับตั้งแต่วันที่ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้ใช้บังคับ บุคคลใดมีสิทธิในที่ดินตามโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ หากบุคคลนั้นทอดทิ้งไม่ทำประโยชน์ในที่ดิน...

เรื่องหนึ่งที่ดูเหมือนธุรกิจการท่องเที่ยวของประเทศไทยรอคอยอยู่ตอนนี้ คือ การกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติในจำนวนที่ใกล้เคียงกับช่วงก่อนโควิด-19 โดยเฉพาะกลุ่มของนักท่องเที่ยวจีนที่เคยมากกว่า 10 ล้านคนก่อนหน้านี้ วันที่ 20 สิงหาคมที่ผ่านมา สำนักงานการบินพลเรือนจีน (CAAC) สอบถามมายังสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT)...

ฝั่งธนบุรีมีอีกหลายทำเลที่ดูเหมือนเงียบๆ เหงาๆ ไปแล้วกลับมาคึกคัก หรือแทบไม่เคยเปลี่ยนแปลงอะไรมาก่อนเลย แต่ยิ่งคึกคักขึ้นในปัจจุบัน ทำเลที่เคยดูเหมือนเงียบเหงาลงไปในช่วงหลังจากปีพ.ศ.2540 คือ บางแค ก่อนปีพ.ศ.2540 ดูเหมือนจะคึกคักมากมายทั้งตลาดสดขนาดใหญ่ที่เริ่มมีก่อนหน้าปีพ.ศ.2540 นับสิบปี จากนั้นมีศูนย์การค้าขนาดใหญ่เปิดให้บริการในเวลาที่ไล่เลี่ยกัน คือ...

หลายวันก่อนเห็นตลาดคลองสานโดนรื้อทิ้งแล้วก็ทำให้นึกขึ้นได้ว่า ทำเลนี้เป็นอีกทำเลในยุคไล่เลี่ยกับวงเวียนใหญ่ที่มีความคึกคักมากตลอดทั้งวัน เพราะการเดินทางของคนจากฝั่งธนบุรีเพื่อไปทำงานในฝั่งพระนครในช่วงประมาณ 20 – 30 ปีก่อนหน้านี้ การข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาด้วยเรือข้ามฟากนั้นสะดวก รวดเร็วกว่าการนั่งรถประจางข้ามสะพานสาทร สะพานพุทธ

เมื่อวานพูดถึงทำเลที่ในอดีตเคยคึกคักแต่ตอนนี้เงียบเหงาต่างจากในอดีตแบบหน้ามือเป็นหลังมือ วันนี้ขอพูดถึงทำเลที่ในอดีตเงียบๆ อาจจะคึกคักหรือเป็นที่รู้จักบ้างแต่ก็ไม่ได้คึกคักมากขนาดนี้ทั้งในพื้นที่รอบสถานีรถไฟฟ้า และพื้นที่ที่เป็นชุมชนดั้งเดิม “ตลาดพลู” เป็นทำเลที่ตอนนี้คึกคักมากเกือบจะทั้งวัน เริ่มตั้งแต่สายๆ ไปจนถึงดึกดื่น ในอดีตอาจจะเป็นที่รู้จักในเรื่องของขนม อาหารการกินบ้าง แต่ก็มีไม่กี่ร้านเท่านั้น คนขายคนซื้อรู้จักกันทั้งนั้น (ผมเองก็คนตลาดพลูตั้งแต่เกิด)

ถ้าพูดถึงทำเลที่ซบเซาหรือเงียบหายไปจากการรับรู้ขงอคนรุ่นใหม่ที่อายะไม่เกิน 30 ปี น่าจะมี วงเวียนใหญ่อยู่ด้วย ปัจจุบันคนรู้จักวงเวียนใหญ่กันเพราะเป็นชื่อของสถานีรถไฟฟ้า ซึ่งไม่ได้ใกล้กับวงเวียนใหญ่จริงๆ อีกต่างหาก ตอนนี้วงเวียนใหญ่แทบไม่เหลือความคึกคักแบบในอดีตอีกแล้ว สถานีรถไฟวงเวียนใหญ่ที่ไปมหาชัยก็เงียบลงไปเยอะ ตึกแถวแถวๆ นั้น รวมไปถึงตามตรอกซอกซอยที่เคยเป็นร้านค้า โรงงานขนาดจิ๋วๆ เงียบหายหมด