29.7 C
Bangkok
Saturday, July 27, 2024

คอนโดมิเนียมราคาแพงหลายโครงการพร้อมโอนกรรมสิทธิ์ปีนี้

โครงการคอนโดมิเนียมหลายโครงการที่มีกำหนดแล้วเสร็จในปีพ.ศ.2565 เป็นโครงการคอนโดมิเนียมที่อยู่ในพื้นที่เมืองชั้นในซึ่งช่วงโควิด-19 ปีพ.ศ.2563 – 2564 แทบไม่มีโครงการเปิดขายใหม่ในพื้นที่เหล่านี้เลย

โดยโครงการที่มีกำหนดแล้วเสร็จปีนี้ เป็นโครงการที่เปิดขายก่อนโควิด-19 หรือเปิดขายก่อนปีพ.ศ.2563 หรือเปิดขายในปีพ.ศ.2563

ดังนั้น หลายโครงการยังมีอัตราการขายที่ไม่สูงมาก เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 มีผลต่อกำลังซื้อ และความเชื่อมั่นในการซื้อคอนโดมิเนียมราคาแพง

ประกอบกับการที่ชาวต่างชาติหายไปจากประเทศไทย ยิ่งมีผลต่อโครงการคอนโดมิเนียมราคาแพงที่มีผู้ซื้อส่วนหนึ่งเป็นชาวต่างชาติ

หลายโครงการคอนโดมิเนียมราคาแพงที่มีกำหนดแล้วเสร็จพร้อมโอนกรรมสิทธิ์ในปีนี้จึงอาจจะมีการจัดโปรโมชั่นพิเศษหรือจัดกิจกรรมทางการตลาดที่ค่อนข้างหลากหลายในช่วงปีนี้

โดยเฉพาะในช่วงครึ่งหลังของปีพ.ศ.2565 เพื่อที่จะได้ปิดการขายและเร่งโอนกรรมสิทธิ์ทั้งโครงการให้ทันภายในปีนี้

นอกจากนี้ สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่าง คือ โครงการคอนโดมิเนียมราคาแพงที่กำลังจะแล้วเสร็จในปีนี้ เป็นโครงการคอนโดมิเนียมที่เป็นการร่วมทุนของผู้ประกอบการไทยและต่างชาติ

การเร่งการโอนกรรมสิทธิ์ให้จบโดยเร็วก็เท่ากับว่าจะสามารถปิดโครงการแบบสมบูรณ์กับผู้ร่วมทุนที่เป็นต่างชาติ

จากนั้นค่อยมาพิจารณาถึงการร่วมทุนโครงการต่อไปในอนาคต หรือมาโฟกัสถึงโครงการที่จะโอนกรรมสิทธิ์โครงการต่อไป

เพราะการร่วมทุนพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมระหว่างผู้ประกอบการไทย และต่างชาติอาจจะชะงักไปช่วงปีพ.ศ.2563 – 2564

เพราะต้องการรอการโอนกรรมสิทธิ์โครงการที่ร่วมทุนและเปิดขายไปซึ่งอาจจะพร้อมโอนกรรมสิทธิ์ปีนี้ จากนั้นค่อยพิจารณาถึงทิศทางในอนาคต

การที่ผู้ประกอบการให้ความสำคัญหรือเน้นการประชาสัมพันธ์ที่โครงการคอนโดมิเนียมราคาแพง

เพราะต้องการแสดงออกถึงศักยภาพและความสามารถในการออกแบบ พัฒนารวมไปถึงการควบคุมคุณภาพของโครงการให้ออกมาสวยงามแบบไม่แตกต่างจากภาพที่ผู้ซื้อจินตนาการหรือที่ผู้ประกอบการวาดฝันไว้

ดังจะเห็นได้จากการที่ผู้ประกอบการบางรายที่มีโครงการหลายระดับราคามักจะให้ความสำคัญกับโครงการราคาแพง ซึ่งนอกจากจะเป็นเพราะว่าโครงการราคาแพงจะมีงบการตลาดมากกว่าแล้ว ยังได้ภาพลักษณ์ที่ดีกว่าโครงการราคาไม่แพง

Recent Articles

กลุ่ม SMEs อสังหาฯ เดินหน้าปรับตัว ตั้งการ์ดสู้วิกฤต

กลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็กที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทานที่เกี่ยวเนื่องกับภาคอสังหาริมทรัพย์ ทั้งผู้รับเหมาก่อสร้าง ผู้ออกแบบ โรงงานวัสดุก่อสร้าง กลุ่มผู้ประกอบการด้านการตกแต่งสถานที่และการจัดสวน ได้รวมตัวกันเพื่อแสดงจุดยืน ขอความเห็นใจและเรียกร้องทุกภาคส่วนร่วมเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจ และส่งเสียงถึงรัฐบาลเร่งมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ให้มากขึ้นอย่างเร่งด่วน เพื่อให้สามารถพยุงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้เดินหน้าผ่านวิกฤตเศรษฐกิจชะลอตัวในครั้งนี้ไปได้ ซึ่งได้มีการเตรียมพร้อมและวางแผนการทำงานอย่างรอบคอบ ยืดหยุ่น เพื่อรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ มาอย่างต่อเนื่องแล้ว แต่ปัจจุบันภาคอสังหาริมทรัพย์เองก็ได้รับผลกระทบมาเป็นระยะๆ ส่งผลให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ทั้งต้นน้ำและปลายน้ำของ Supply Chain ได้รับผลกระทบแบบโดมิโน จนอาจถึงขั้นต้องปิดกิจการเป็นจำนวนมาก  

‘แลนดี้ โฮม’ บุกเชียงใหม่!

แลนดี้ โฮม เปิดตลาดภาคเหนือ ปักหมุดเชียงใหม่ พื้นที่เศรษฐกิจขยายตัวสูง ชูนวัตกรรมบ้านสุขภาพดี สร้างบ้านพร้อมติดตั้งระบบป้องกันฝุ่น PM 2.5 ไปกับตัวบ้าน เจาะกลุ่มลูกค้าที่ต้องการสร้างบ้านหลังใหญ่ที่มีความกังวลปัญหามลพิษทางอากาศ, ไม่มีเวลาควบคุมงาน รวมถึงต้องการให้บริษัทที่มีความเป็นมืออาชีพเข้ามาดูแลในทุกขั้นตอน พร้อมทุ่มงบกว่า 50 ล้านบาท ในการเปิดสาขาและสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักกับคนในพื้นที่ ตั้งเป้ายอดขาย 100 ล้านบาทในปี 2567 พิเศษ!...

กลุ่มสยามสินธร จับมือ Wake Up Waste

กลุ่มสยามสินธร ยึดมั่นแนวทางองค์กรธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและวิถีแห่งความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง จับมือพันธมิตร Wake Up Waste แพลตฟอร์มบริหารจัดการ ซื้อขายขยะรีไซเคิล และรถบีบอัดช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการขยะ จากบริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGC เจ้าของรางวัล Gold Award จากเวที Marketing Award...

AWC เปิดโครงการ “Phenix” ศูนย์กลางด้านอาหารครบวงจรระดับโลก

กรุงเทพฯ 26 มิถุนายน 2567 – นายกรัฐมนตรี สถานทูต ภาครัฐ ภาคเอกชนวงการอาหาร และบริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จํากัด (มหาชน) หรือ AWC ร่วมรวมพลังเปิดโครงการ “Phenix” (ฟีนิกซ์)...

TCMA ผนึกทุกภาคส่วนเร่งเดินหน้า

TCMA สานต่อความสำเร็จประชุมสุดยอดผู้นำอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ทั่วโลก “GCCA CEO Gathering and Leaders Conference 2024” ผนึกทุกภาคส่วนเดินหน้าสู่การบรรลุเป้าหมายปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ในปี 2593 มุ่งหน้าเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด คู่ขนานพัฒนาเทคโนโลยีนวัตกรรมดักจับ/ใช้ประโยชน์/กักเก็บคาร์บอน พร้อมบริหารจัดการกรีนฟันด์ 212 ล้านบาทให้เกิดประโยชน์สูงสุด ตอบสนองเป้าหมาย Net Zero 2050