31.7 C
Bangkok
Saturday, July 27, 2024

ตลาดคอนโดมิเนียมในกรุงเทพมหานครในครึ่งแรกปีพ.ศ.2566

คอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ในไตรมาสที่ 2 พ.ศ.2566 มีทั้งหมดประมาณ 9,400 ยูนิต เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 1 ประมาณ 91% หรือเกือบเท่าตัว

แต่ถ้าพิจารณาเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีพ.ศ.2565 จะเห็นได้ว่ามีการเปิดขายโครงการใหม่ลดลงประมาณ 46%

และบางโครงการเปิดขายแบบไม่เป็นทางการมาตั้งแต่ช่วงไตรมาสที่ 1 แล้ว ปัจจัยลบหลายอย่างทั้งเรื่องของเศรษฐกิจ การเมือง การเพิ่มขึ้นของดอกเบี้ย

ล้วนมีผลให้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่เลือกที่จะเปิดขายโครงการใหม่ลดลง และรอดูสถานการณ์ในช่วงครึ่งหลังปีพ.ศ.2566

คอนโดมิเนียมที่เปิดขายใหม่ในไตรมาสที่ 2 พ.ศ.2566 ส่วนใหญ่หรือประมาณ 62% เป็นโครงการที่อยู่ในพื้นที่ที่เส้นทางรถไฟฟ้าเปิดให้บริการแล้ว

และอีกประมาณ 21% อยู่ในพื้นที่เส้นทางรถไฟฟ้ากำลังก่อสร้าง อีกประมาณ 17% อยู่ในพื้นที่ที่ไกลจากสถานีรถไฟฟ้าที่เปิดให้บริการแล้ว และในอนาคตมากกว่า 1 กิโลเมตร 

โครงการที่อยู่ในพื้นที่ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าที่เปิดให้บริการแล้ว ไม่มีโครงการที่อยู่ในพื้นที่เมืองชั้นในหรือย่าน CBD เลย

ราคาขายก็ไม่สูงมากอยู่ในช่วงไม่เกิน 160,000 บาทต่อตารางเมตร ส่วนใหญ่อยู่ในช่วง 100,000 – 150,000 บาทต่อตารางเมตร และบางโครงการมีราคาขายเริ่มต้นที่ต่ำกว่า 90,000 บาทต่อตารางเมตร

ตลาดคอนโดมิเนียมในปีพ.ศ.2566 จากคาดการณ์ในช่วงครึ่งแรกปีพ.ศ.2566

มีความเป็นไปได้ที่อาจจะมีการขยายตัวหรือโครงการเปิดขายใหม่ไม่แตกต่างจากปีที่ผ่านมา

ซึ่งยังคงต้องรอดูสถานการณ์หลายๆ อย่างในช่วงครึ่งหลังของปีพ.ศ.2566 ก่อน เพราะปัจจัยลบหลายอย่างอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงโดยเฉพาะเรื่องของการเมือง 

พื้นที่ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าเป็นพื้นที่ที่ผู้ประกอบการโครงการคอนโดมิเนียมให้ความสนใจมาโดยตลอด

โดยเฉพาะพื้นที่ที่เส้นทางรถไฟฟ้าเปิดให้บริการแล้ว

ช่วง 3 – 4 ปีที่ผ่านมาเส้นทางรถไฟฟ้าเปิดให้บริการขยายออกไปในหลายๆ พื้นที่ ซึ่งครอบคลุมพื้นที่กว้างมากขึ้น

แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนกลับเป็นว่าพื้นที่ที่เส้นทางรถไฟฟ้ากำลังก่อสร้าง

และพื้นที่ที่ไม่มีเส้นทางรถไฟฟ้าผ่านทั้งในปัจจุบันและอนาคตกลับมีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่เพิ่มมากขึ้นแบบชัดเจน

โดยเห็นได้ชัดเจนตั้งแต่ช่วงปีพ.ศ.2563 เป็นต้นมา อาจจะเพราะต้องการเปิดขายโครงการที่ราคาไม่สูงมากเพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้ซื้อได้มากกว่า

Recent Articles

กลุ่ม SMEs อสังหาฯ เดินหน้าปรับตัว ตั้งการ์ดสู้วิกฤต

กลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็กที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทานที่เกี่ยวเนื่องกับภาคอสังหาริมทรัพย์ ทั้งผู้รับเหมาก่อสร้าง ผู้ออกแบบ โรงงานวัสดุก่อสร้าง กลุ่มผู้ประกอบการด้านการตกแต่งสถานที่และการจัดสวน ได้รวมตัวกันเพื่อแสดงจุดยืน ขอความเห็นใจและเรียกร้องทุกภาคส่วนร่วมเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจ และส่งเสียงถึงรัฐบาลเร่งมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ให้มากขึ้นอย่างเร่งด่วน เพื่อให้สามารถพยุงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้เดินหน้าผ่านวิกฤตเศรษฐกิจชะลอตัวในครั้งนี้ไปได้ ซึ่งได้มีการเตรียมพร้อมและวางแผนการทำงานอย่างรอบคอบ ยืดหยุ่น เพื่อรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ มาอย่างต่อเนื่องแล้ว แต่ปัจจุบันภาคอสังหาริมทรัพย์เองก็ได้รับผลกระทบมาเป็นระยะๆ ส่งผลให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ทั้งต้นน้ำและปลายน้ำของ Supply Chain ได้รับผลกระทบแบบโดมิโน จนอาจถึงขั้นต้องปิดกิจการเป็นจำนวนมาก  

‘แลนดี้ โฮม’ บุกเชียงใหม่!

แลนดี้ โฮม เปิดตลาดภาคเหนือ ปักหมุดเชียงใหม่ พื้นที่เศรษฐกิจขยายตัวสูง ชูนวัตกรรมบ้านสุขภาพดี สร้างบ้านพร้อมติดตั้งระบบป้องกันฝุ่น PM 2.5 ไปกับตัวบ้าน เจาะกลุ่มลูกค้าที่ต้องการสร้างบ้านหลังใหญ่ที่มีความกังวลปัญหามลพิษทางอากาศ, ไม่มีเวลาควบคุมงาน รวมถึงต้องการให้บริษัทที่มีความเป็นมืออาชีพเข้ามาดูแลในทุกขั้นตอน พร้อมทุ่มงบกว่า 50 ล้านบาท ในการเปิดสาขาและสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักกับคนในพื้นที่ ตั้งเป้ายอดขาย 100 ล้านบาทในปี 2567 พิเศษ!...

กลุ่มสยามสินธร จับมือ Wake Up Waste

กลุ่มสยามสินธร ยึดมั่นแนวทางองค์กรธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและวิถีแห่งความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง จับมือพันธมิตร Wake Up Waste แพลตฟอร์มบริหารจัดการ ซื้อขายขยะรีไซเคิล และรถบีบอัดช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการขยะ จากบริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGC เจ้าของรางวัล Gold Award จากเวที Marketing Award...

AWC เปิดโครงการ “Phenix” ศูนย์กลางด้านอาหารครบวงจรระดับโลก

กรุงเทพฯ 26 มิถุนายน 2567 – นายกรัฐมนตรี สถานทูต ภาครัฐ ภาคเอกชนวงการอาหาร และบริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จํากัด (มหาชน) หรือ AWC ร่วมรวมพลังเปิดโครงการ “Phenix” (ฟีนิกซ์)...

TCMA ผนึกทุกภาคส่วนเร่งเดินหน้า

TCMA สานต่อความสำเร็จประชุมสุดยอดผู้นำอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ทั่วโลก “GCCA CEO Gathering and Leaders Conference 2024” ผนึกทุกภาคส่วนเดินหน้าสู่การบรรลุเป้าหมายปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ในปี 2593 มุ่งหน้าเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด คู่ขนานพัฒนาเทคโนโลยีนวัตกรรมดักจับ/ใช้ประโยชน์/กักเก็บคาร์บอน พร้อมบริหารจัดการกรีนฟันด์ 212 ล้านบาทให้เกิดประโยชน์สูงสุด ตอบสนองเป้าหมาย Net Zero 2050